หากน้องชายของคุณเกิดอาการแข็งตัวแบบไม่รู้สาเหตุ แข็งนานเกิน 4 ชั่วโมงโดยไม่ยอมยุบตัว และไม่ได้มีการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ อาการนี้อาจเป็นสัญญาณของ ภาวะจู๋แข็งค้าง หรือทางการแพทย์เรียกว่า Priapism ซึ่งถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว เพราะหากปล่อยไว้นานเกินไปอาจนำไปสู่ การสูญเสียสมรรถภาพทางเพศถาวร ได้
แม้จะไม่ใช่อาการที่พบได้ทั่วไป แต่ภาวะนี้สามารถเกิดได้กับผู้ชายทุกวัย โดยเฉพาะในช่วงอายุ 5–10 ปี และช่วงวัย 20–50 ปี รวมถึงมีแนวโน้มพบมากขึ้นในผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป หากคุณเคยมีอาการน้องชายแข็งนานผิดปกติ ไม่ควรมองข้ามบทความนี้ เพราะเราจะพาคุณมาทำความเข้าใจ รูปแบบของภาวะน้องชายแข็งค้างมีกี่แบบ และแนวทางการรักษาอย่างถูกต้อง
น้องชายแข็งค้างมีกี่รูปแบบและสามารถเกิดขึ้นได้อย่างไร
ภาวะน้องชายแข็งค้างมี 3 ชนิด
1. ชนิดขาดเลือด (Ischemic priapism หรือ Low flow priapism) เป็นชนิดขาดเลือดที่สามารถพบได้ค่อนข้างบ่อยที่สุดคร่าว ๆ ประมาณร้อยละ 95 ของผู้ชายที่เกิดน้องชายแข็งค้างทั้งหมด เกิดจากหลอดเลือดดำในเนื่อเยื่อด้านบนของน้องชาย เกิดการคลายตัวต่อเนื่องและไม่สามารถหดตัวกลับเป็นปกติได้ จึงส่งผลให้เกิดเลือดขังค้างในหลอดเลือดน้องชายต่อเนื่อง และไม่สามารถไหลเวียนกลับเข้าสู่หัวใจได้ตามปกติ จึงทำให้เกิดเป็นภาวะน้องชายแข็งค้าง และถ้ายิ่งแข็งค้างเกิน 24 ชั่วโมง จะทำให้มีโอกาสเกิดเซลล์เนื้อเยื่อตาย และจู๋หรือน้องชายก็จะกลายเป็นพังผืดแบบถาวรจะยิ่งสูงขึ้น และจะนำไปสู่ภาวะนกเขาไม่ขันและจะเกิดการการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้สูงถึง 90% ซึ่งจู๋แข็งค้างชนิดนี้ ผู้ป่วยจะเจ็บ/ปวดน้องชายมากแล้วต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยทันที
2.ชนิดไม่ขาดเลือด(Nonischemic priapism หรือ High flow priapism) เป็นชนิดพบเจอได้น้อย พบได้ประมาณ5% เกิดจากมีการฉีกของหลอดเลือดแดงในเนื้อเยื่อน้องชาย เช่น มีหลอดเลือดแดงในน้องชายเกิดการโป่งพองแล้วเกิดการแตกหรือรั่ว มีการบาดเจ็บของน้องชายหรือที่ฝีเย็บ เช่น การขี่จักรยานแล้วเกิดการถูกกระแทก หรือการผ่าตัดต่างๆที่น้องชาย จึงไม่ส่งผลกระทบให้เนื้อเยื่อตรงส่วนของน้องชายขาดจนเลือดและไม่ก่อให้เกิดพังผืด เป็นแบบที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน ลักษณะของน้องชายแข็งค้างชนิดนี้จะตั้งชู แต่จะไม่แข็งทื่อหรือไม่แข็งเกร็ง จึงไม่ก่อให้เกิดการเจ็บปวด
3. ชนิดขาดเลือดย้อนกลับเป็นซ้ำ (Recurrent ischemic priapism ย่อว่า RIP หรือ Recurrent priapism) เป็นชนิดที่สามารถพบเจอได้น้อย แต่มักจะพบในผู้ที่มีประวัติของพันธุกรรมที่เป็นโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว เกิดจากตะกอนของเม็ดเลือดแดงที่ผิดปกติและปิดกั้นหลอดเลือดดำในเนื้อเยื่อของน้องชาย แล้วจึงส่งผลกระทบให้มีการเกิดเลือดดำคั่งในน้องชายจึงทำให้เกิดอาการน้องชายแข็งค้างชนิดขาดเลือด แต่เป็นอาการที่มีความรุนแรงน้อยกว่า แต่ก็ส่งผลให้เกิดพังผืดในเนื้อเยื่อของน้องชายได้ และนำไปสู่ภาวะนกเขาไม่ขันหย่อนสมัครถภาพทางเพศได้ประมาณร้อยละ 29-48
ปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุที่ทำให้น้องชายแข็งค้าง
โดยทั่วไปสาเหตุที่จะทำให้เกิดภาวะน้องชายแข็งค้างชนิดไม่ขาดเลือด เช่น ได้รับการบาดเจ็บของน้องชาย แต่สาเหตุของการเกิดจู๋แข็งค้างชนิดขาดเลือดและชนิดเกิดเป็นซ้ำ แพทย์ยังไม่ทราบเป็นที่ชัดเจน แต่ทราบถึงปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะน้องชายแข็งค้าง
- โรคเลือดและมะเร็งโรคเลือดหรือมะเร็งระบบโลหิตวิทยา เพราะจะส่งผลกระทบให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกได้สูง ที่จะสามารถทำให้เกิดตะกอนของเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำของเนื้อเยื่อบริเวณน้องชาย ที่สามารถเจอได้บ่อย คือ โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว ส่วนโรคที่พบเจอได้อย่างหลากหลาย เช่น โรคธาลัสซีเมีย ภาวะขาดเอนไซม์จีซิกพีดี มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมา
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด โดยเป็นยาที่ส่งผลถึงการหดและขยายของหลอดเลือดในเนื้อเยื่อของน้องชาย เช่น ยาที่ส่งผลต่อสารสื่อประสาทต่างๆ เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาต้านเศร้า ยาเพิ่มความดันโลหิต ยาฮอร์โมน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาเพิ่มความดันโลหิต ยาระงับความรู้สึก ทั้งยาชาเฉพาะที่ เช่น การให้ยาทางน้ำไขสันหลัง หรือ ยาสลบ
- ยาเสพติดต่างๆ เช่น ยากระตุ้นความบันเทิง รวมถึง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และโคเคน
- พิษจากสัตว์กัดต่อย เช่น พิษแมงป่อง พิษแมงมุม
- โรคบางชนิด เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้จับสั่น โรคเกาต์
- โรคเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น อุบัติเหตุที่ได้รับการกระทบที่ไขสันหลัง โรคปวดหลังจากหมอนรองกระดูกสันหลัง โรคโพรงกระดูกสันหลังเอวตีบแคบ โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคทางจิตเวช เช่น โรควิตกกังวล โรคย้ำคิดย้ำทำ ความเครียด โรคแพนิค
- โรคมะเร็ง เช่น โรคมะเร็งระบบโลหิตวิทยา มะเร็งระบบอวัยวะเพศชาย เช่น มะเร็งอวัยวะเพศชาย มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น มะเร็งไต มะเร็งท่อปัสสาวะ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เนื้องอกมะเร็งสมอง
- เป็นส่วนน้อยที่แพทย์หาสาเหตุของโรคไม่พบ
แนวทางการรักษาภาวะน้องชายแข็งค้าง
1. ชนิดขาดเลือด
- การประคบเย็นที่น้องชาย
- การดูดเลือดที่คั่งออกจากเนื้อเยื่อของจู๋หรือน้องชาย
- การใช้ยาบางชนิดฉีดเข้าในส่วนของเนื้อเยื่อน้องชายตรงบริเวณส่วนที่แข็งตัวเพื่อให้เกิดการไหลเวียนเลือด เช่นยา Phenylephrine,Ephedrine Epinephrine Norepinephrine Methylene blue การเลือกใช้ยาตัวใดจะขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์เป็นกรณี
- การผ่าตัดทางศัยกรรม จะใช้ในกรณีที่ต้องการรักษาดังกล่าวไม่ได้ผล เช่น การทำทางระบายเลือดออกจากน้องชาย (Cavernoglanular shunt) แต่ถ้าการผ่าตัดวิธีนี้ไม่ได้ผล แพทย์อาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดแบบใส่แกนหรือน้องชาย เทียม (Penile Prosthesis)
- การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น โรคความดันโลหิตสูง
- นอกจากนี้ยังมีมีรายงานประปราย ในการฉายรังสีรักษาปริมาณต่ำตรงบริเวณน้องชาย กรณีการรักษาต่างๆดังกล่าวล้มเหลว หรือผู้ป่วยที่ทำ การผ่าตัดไม่ได้ หรือปฏิเสธผ่าตัด
2. ชนิดไม่ขาดเลือด วิธีการรักษา คือ การประคบเย็น และทำร่วมกับการรักษาสาเหตุ เช่น กรณีที่เกิดการบาดเจ็บโดยการถูกกระแทกที่น้องชาย การรักษานี้จะเป็นการเฝ้าสังเกตอาการ เพราะทั่วผู้ป่วยภาวะนี้อาการมักดีขึ้นเอง หรือการรักษาด้วยเทคนิคการฉายรังสีร่วมรักษา เพื่อการใส่สารอุดตันเข้าหลอดเลือดกรณีสาเหตุมีรอยรั่วที่หลอดเลือดของน้องชาย
3. ชนิดกลับเป็นซ้ำ การรักษาจะเป็นวิธีเดียวกันในการรักษาชนิดขาดเลือด ร่วมกับการรักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น การรักษาโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว
สรุป
ภาวะน้องชายแข็งค้าง เป็นภาวะที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากอวัยวะเพศชายแข็งตัวนานเกิน 4–6 ชั่วโมงโดยไม่ยอมอ่อนตัวลง โดยเฉพาะหากไม่มีการกระตุ้นทางเพศ อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ ส่งผลให้เกิด พังผืด หย่อนสมรรถภาพทางเพศถาวร หรือแม้กระทั่งต้องผ่าตัดใส่แกนอวัยวะเพศเทียมในกรณีรุนแรง
หากคุณมีอาการน้องชายแข็งค้าง หรือสงสัยว่าอาจเสี่ยงต่อภาวะนี้ ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางระบบปัสสาวะโดยเร็วที่สุด เพราะ ยิ่งรักษาไว โอกาสฟื้นฟูสมรรถภาพยิ่งสูง อย่าปล่อยให้ความอายทำลายสุขภาพทางเพศของคุณในระยะยาว
Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะน้องชายแข็งค้าง
Q : น้องชายแข็งค้างอันตรายไหม?
A : อันตรายมาก โดยเฉพาะชนิดขาดเลือด หากแข็งเกิน 24 ชั่วโมง อาจทำให้เนื้อเยื่อตาย กลายเป็นพังผืด และเสี่ยงต่อภาวะหย่อนสมรรถภาพเพศถาวรสูงถึง 90%
Q : อาการของน้องชายแข็งค้างเป็นอย่างไร?
A : แข็งตัวนานเกิน 4–6 ชั่วโมง, ปวดและตึงมาก, ไม่หายแม้ไม่มีอารมณ์เพศ, อาจมีบวมและเปลี่ยนสี หากเป็นชนิดไม่ขาดเลือดอาจไม่เจ็บมากแต่ก็ยังผิดปกติ
Q : ถ้ามีอาการน้องชายแข็งค้างควรทำอย่างไร?
A : ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันทีภายใน 4–6 ชั่วโมง แพทย์อาจใช้การดูดเลือดออก, ฉีดยาลดการขยายหลอดเลือด, หรือผ่าตัดระบายเลือด หากปล่อยไว้จะเสี่ยงสูญเสียสมรรถภาพเพศถาวร
Q : น้องชายแข็งค้างจะกลับมาเป็นซ้ำได้หรือไม่?
A : มีโอกาสเป็นซ้ำ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับเลือด หากเกิดบ่อยควรได้รับการตรวจละเอียดและติดตามโดยแพทย์เฉพาะทาง
Q : ภาวะนี้เกี่ยวข้องกับการเสื่อมสมรรถภาพเพศอย่างไร?
A : หากไม่ได้รับการรักษาเร็ว อาจทำให้เกิดพังผืดในเนื้อเยื่อองคชาติ ส่งผลให้แข็งตัวไม่ได้อีก หรือแข็งตัวผิดรูป เป็นสาเหตุของ นกเขาไม่ขันถาวร
รับคำปรึกษาเบื้องต้น
สอบถามข้อมูลการรักษาและบริการเพิ่มเติม นัดหมายล่วงหน้า การเดินทางมาคลินิก
LINE:@ETERNITYCLINIC4
Facebook:@Eternityclinicthai
นายแพทย์สืบพงษ์ เอ่งฉ้วน
ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ใบอนุญาตที่ 29458 ให้ไว้ ณ วันที่ 1 เมษายน 2546
เป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาศัลยศาสตร์ เลขที่ 18321/2551
ให้ไว้ ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2551 (General surgeon)
เป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา เลขที่
22611/2554 ให้ไว้ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 (Urologist)
ประกาศนียบัตรเวชศาสัตร์ทางเพศ ได้รับการรับรองโดย สมาคมเพศศาสตร์คลินิกและเวชศาสตร์
ทางเพศแห่งประเทศไทย (TACSM)
บทความล่าสุด
การใช้การฝังอุปกรณ์ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ (Penile implants)
ภาวะเสื่อมสมรรถ
เทคนิคการควบคุมการหลั่งเร็ว: การฝึกฝนและการใช้เทคนิคพิเศษ
หนึ่งในปัญหาทาง
การใช้ยาเพื่อเพิ่มความยาวอวัยวะเพศ: ประสิทธิภาพและความปลอดภัย
หยุดที่จะมองข้า
ผลข้างเคียงจากการเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ ด้วยการใช้ยาและการผ่าตัด
การมีขนาดอวัยวะ
ขลิบไร้เลือด ต่างจากขลิบปกติอย่างไร
น้องชายมีกลิ่นเ
ขลิบมีกี่แบบ แบบไหนดีที่สุด หมอเบียร์แนะนำ
หลายคนยังไม่ทรา
ขลิบดีไหม ข้อดีของการขลิบที่คุณอาจยังไม่รู้
หลายคนอาจสงสัยว
ขลิบคืออะไร ทำไมถึงต้องขลิบหนังหุ้มปลาย
ขลิบคืออะไร ทำไ