วิธีสังเกตและป้องกันตัวเองจากการใช้สารแปลกปลอมในอวัยวะเพศ

ถ้าจะพูดถึง สารแปลกปลอมในอวัยวะเพศ โดยมาจากความสวยงามซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนา ซึ่งจะอยู่คู่กับความไม่สมบูรณ์ มนุษย์จึงหาวิธีต่างๆ ที่จะทำให้ตัวเองมีความสวยงามและคงสภาพอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ได้มีการคิดค้นวิธีการต่างๆ ที่จะรักษาสภาพผิวหนังให้เต่งตึงดูอ่อนเยาว์ นับตั้งแต่การการใช้เครื่องสำอางภายนอก การกินอาหารหรือสารบางอย่างที่เชื่อกันว่ามีประโยชน์ ตลอดถึงการผ่าตัดเพื่อปรับสภาพที่ไม่สมบูรณ์ให้สวยงามขึ้น นอกจากนั้นยังมีวิธีการฉีดสารต่างๆ เข้าในร่างกายเพื่อขยายขนาดของส่วนที่หย่อนหรือเล็กให้ดูตึงและใหญ่ขึ้น ได้มีการพยายามคิดค้นเรื่องสารต่างๆ ที่นำมาฉีดเข้าร่างกาย เช่น พาราฟิน, ซิลิโคนเหลว, น้ำมันพืช, คอลลาเจน เป็นต้น  สารต่างๆ เหล่านี้เมื่อฉีดเข้าร่างกายแล้วอาจจะทำให้ส่วนต่างๆ เต่งตึงขึ้นทันทีและคงสภาพอยู่ได้ระยะหนึ่ง

มีผลอย่างไรเมื่อได้รับสารแปลกปลอม

ร่างกายที่ได้รับสิ่งแปลกปลอม

หลังจากนั้นร่างกายจะมีปฏิกิริยาต่อสิ่งแปลกปลอม โดยการสร้างเนื้อเยื่อมาหุ้มแล้วแต่ลักษณะของสารที่ฉีดนั้น ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เกิดลักษณะผิวที่เป็นตะปุ่มตะป่ำไม่เรียบทำให้เสียความสวยงามไปทันที

ถ้าการฉีดนั้นไม่สะอาดก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ผู้ที่ต้องการสร้างความงามด้วยการฉีดสารแปลกปลอมจึงพึงระมัดระวังและใช้เวลาในการศึกษาถึงผลของสารต่างๆ นั้นให้ดีเสียก่อนที่จะให้ผู้ใดฉีดเข้าไปในร่างกายของตนเอง

เนื่องจากสารที่ฉีดเป็นของเหลว เมื่อฉีดแล้วจะไหลไปตามส่วนของร่างกายที่มีช่องว่างอยู่ ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อใกล้เคียง รวมทั้งผิวหนังบริเวณนั้น

การเอาสารที่ฉีดแล้วออกจากร่างกายให้หมด เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ บางครั้งการผ่าตัดเอาสารที่ฉีดออก อาจทำให้เกิดความพิการตามมาได้ เนื่องจากการตัดนั้นต้องเอาส่วนของเนื้อเยื่อที่หุ้มสารออกไปด้วย

อวัยวะที่ฉีดสารแปลกปลอมเยอะ

อวัยวะที่จะถูกฉีดส่วนมาก

  • ที่ใบหน้า เช่น จมูก, คาง, แก้ม
  • ส่วนอื่นๆ เช่น เต้านม ก็มีการฉีดบ้าง ทุกส่วนที่ฉีดมีปัญหาต่างๆ กันไป

ควรสอบถามแพทย์ก่อนฉีดสารเข้าร่างกาย

 สิ่งที่ควรถามแพทย์ก่อนจะฉีดสิ่งใดเข้าในร่างกายคือ

  1. สารที่ฉีดนั้นชื่ออะไร  มีส่วนประกอบอะไรบ้าง
  2. จะต้องฉีดกี่ครั้ง ราคาเท่าใด
  3. จะมีการแพ้ไหม
  4. ถ้ามีปัญหาจากการฉีด จะแก้ปัญหาได้หรือไม่ อย่างไร
  5. สารนี้ผ่านการรับรองโดย อย. หรือไม่
  6. ผลในระยะยาวต่อร่างกาย

ข้อควรรู้ก่อนขูดสารแปลกปลอม

ข้อควรรู้ก่อนขูดสารแปลกปลอม

การมีขนาดน้องชายที่ใหญ่ขึ้น เป็นหนึ่งในความต้องการของหนุ่มๆ หลายคน ซึ่งบางคนอาจตัดสินใจเลือกทางเดินที่ผิดด้วยการฉีดสารแปลกปลอมเข้าไปเพื่อเพิ่มขนาดน้องชาย ซึ่งการฉีดสารแปลกปลอมเพิ่มขนาดน้องชายนั้นอันตรายกว่าที่คิด หากปล่อยไว้นานไม่รีบขูดออกอาจทำให้เกิดอันตรายจนถึงขั้นต้องตัดน้องชายทิ้งได้

เมื่อไหร่ที่ควรขูดสารแปลกปลอมออก

สารแปลกปลอมเป็นสิ่งที่อันตรายและไม่ควรอยู่ในร่างกายตั้งแต่ต้น ผู้ที่เคยฉีดสารแปลกปลอมมาก่อน ถึงแม้จะยังไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ก็ควรรีบเข้ามาพบแพทย์เพื่อขูดสารแปลกปลอมออกทันที

ซึ่งการขูดสารแปลกปลอมออกตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีอาการผิดปกติถือว่าเป็นช่วงที่ดี เนื่องจากสามารถขูดสารแปลกปลอมออกได้ง่ายและให้ผลการรักษาที่ดี แต่ถ้าหากเริ่มมีอาการแล้ว การรักษาด้วยการขูดสารแปลกปลอมก็ยังคงทำได้เช่นกัน แต่อาจจะได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าคนที่ยังไม่มีอาการ

โดยกลุ่มอาการที่แนะนำให้รีบเข้ามาพบแพทย์เพื่อขูดสารแปลกปลอมออกทันที ได้แก่ ผู้ที่มีอาการปวด บวม แดง แสบร้อน มีก้อน หรือเป็นแผล

ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณเตือนว่าน้องชายกำลังเกิดการอักเสบหรืออยู่ในภาวะพาราฟิโนม่า (Paraffinoma) อาจทำให้เกิดอันตรายกับน้องชายมากขึ้นได้

ไม่ขูดสารแปลกปลอมออกจากน้องชาย ส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง?

สำหรับผู้ที่ฉีดสารแปลกปลอมแล้วเริ่มมีอาการผิดปกติ แต่ยังไม่รีบทำการรักษาหรือขูดออก อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เป็นอันตรายตามมาได้

ในช่วงแรก สารแปลกปลอมที่อยู่ข้างในอวัยวะเพศอาจทำให้เกิดก้อนแข็งหรือเกิดภาวะพาราฟิโนม่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อการมีเพศสัมพันธ์ คู่นอนไม่มีความสุข รู้สึกเจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงอาจทำให้คู่นอนติดเชื้อได้

นอกจากนี้ บางคนที่มีอาการรุนแรงขึ้น อาจทำให้มีปัญหาในเรื่องของการแข็งตัวและรบกวนการปัสสาวะ เนื่องจากหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศเป็นก้อนแข็งมากจนมาปิดทางเดินปัสสาวะ

ส่วนเคสที่เริ่มมีแผลร่วมกับการอักเสบ ถือว่าเป็นเคสที่มีอาการรุนแรงมาก ควรรีบขูดสารแปลกปลอมออกจากน้องชายทันที เนื่องจากแผลจะทำให้เกิดความเจ็บปวด ยิ่งถ้าหากปล่อยไว้นานก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง ไปจนถึงการพัฒนาเป็นมะเร็งและทำให้ต้องตัดน้องชายได้

วิธีประเมินเคสขูดสารแปลกปลอม

การประเมินเคสขูดสารแปลกปลอม คุณหมอจะต้องทำการประเมินหลายอย่างเพื่อดูว่าปัญหาของแต่ละเคสควรแก้ไขด้วยวิธีใด ในทางการแพทย์จะเรียกการประเมินนี้ว่า Severity หรือการประเมินความรุนแรงของอาการ เช่น สารไหลไปถึงขั้นไหนแล้ว, มีการอักเสบกี่ครั้ง หรือสารได้กินเนื้อไปจนถึงแกนไหม

ซึ่งการประเมินปัญหาอย่างละเอียด จะช่วยให้คุณหมอเลือกวิธีการรักษาได้อย่างตรงจุด สามารถนำสารแปลกปลอมออกมาได้หมด และคนไข้สามารถกลับมาใช้งานน้องชายได้เหมือนเดิมตามปกติมากที่สุด

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ควรหลีกเลี่ยงหลังจากขูดสารแปลกปลอมไปแล้วคือบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่มีผลต่อการหายของแผลค่อนข้างมาก ควรงดบุหรี่หลังผ่าตัดประมาณ 2-3 สัปดาห์เพื่อป้องกันแผลหายช้า

ส่วนใครที่กังวลว่าต้องหยุดงานไหม ในเคสที่แผลไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก วันรุ่งขึ้นสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ แต่ถ้าเป็นเคสที่ขูดสารแปลกปลอมออกเยอะ แผลมีขนาดค่อนข้างใหญ่ คุณหมอแนะนำให้หยุดงานก่อนประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้แผลปิดดีแล้วจึงกลับไปทำงานได้ตามปกติ

และสำหรับใครที่กังวลเรื่องการใช้งานน้องชาย อยากรู้ว่าจะกลับมาใช้งานได้เมื่อไหร่ คุณหมออธิบายว่าต้องรอให้แผลหายดีก่อนเช่นกัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแผลจะหายได้ภายใน 2-6 สัปดาห์

หลังขูดสารแปลกปลอม ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอย่างไร?

ผลลัพธ์ที่ได้หลังขูดสารแปลกปลอมออกจากอวัยวะเพศอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ถ้าหากคนไข้ที่มาขูดสารแปลกปลอมก่อนเริ่มมีอาการผิดปกติ

ผลลัพธ์ที่ได้ส่วนมากมักจะออกมาดี บางรายน้องชายอาจกลับมามีรูปร่างที่ปกติเหมือนไม่เคยฉีดสารแปลกปลอมมาก่อนเลย

แต่ในกรณีที่คนไข้ฉีดสารแปลกปลอมมานานจนเริ่มเป็นก้อนใหญ่ มีการกระจายของสารไหลไปตามบริเวณต่างๆ รวมถึงเริ่มมีการอักเสบหรือเกิดแผลแล้ว

ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่สมบูรณ์เท่าเคสที่ยังไม่เกิดอาการใดๆ โดยรูปร่างน้องชายอาจกลับมาได้เพียง 80-90% เท่านั้น แต่โดยรวมแล้วยังคงสามารถใช้งานน้องชายได้ตามปกติอยู่

สรุป วิธีสังเกตและป้องกันตัวเองจากการใช้สารแปลกปลอมในอวัยวะเพศ

สิ่งที่ควรคำนึงพร้อมความงาม คือ ความสุข การพิจารณาอย่างรอบคอบ จะทำให้ไม่เป็นทุกข์จากการฉีดสารเข้าร่างกายแล้วมีปัญหาตามมา

author avatar
นพ.สืบพงษ์ เอ่งฉ้วน
ใบอนุญาตเลขที่ 29458

รับคำปรึกษาเบื้องต้น

สอบถามข้อมูลการรักษาและบริการเพิ่มเติม นัดหมายล่วงหน้า การเดินทางมาคลินิก
LINE:@ETERNITYCLINIC4
Facebook:@Eternityclinicthaiสืบพงษ์ เอ่งฉ้วน

นายแพทย์สืบพงษ์ เอ่งฉ้วน

ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ใบอนุญาตที่ 29458 ให้ไว้ ณ วันที่ 1 เมษายน 2546

เป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาศัลยศาสตร์ เลขที่ 18321/2551
ให้ไว้ ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2551 (General surgeon)

เป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา เลขที่
22611/2554 ให้ไว้ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 (Urologist)

ประกาศนียบัตรเวชศาสัตร์ทางเพศ ได้รับการรับรองโดย สมาคมเพศศาสตร์คลินิกและเวชศาสตร์
ทางเพศแห่งประเทศไทย (TACSM)

บทความล่าสุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *