การแข็งตัวของน้องชาย ที่ผู้ชายหลายคนอาจไม่เคยรู้

การแข็งตัวขององคชาต

เชื่อว่าหนุ่มๆหลายคนก็คงจะคุ้นเคยกับการแข็งตัวของน้องชายกันอยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้มีอาการแบบนั้น หรือการที่น้องชายแข็งตัวมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร

หลายๆคนอาจเคยอยู่ในสถานการณ์ที่ว่าจู่ ๆ อวัยวะเพศของตัวเองก็แข็งตัวขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่ไม่ต้องตกใจไป เพราะว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อระบบประสาทของคุณถูกกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศน้องชายของคุณก็จะแข็งตัวขึ้นมานั่นเอง

แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกว่าน้องชายแข็งตัวติดต่อกันนานถึง 4 ชั่วโมง โดยไม่มีสิ่งเร้าใดๆ ทั้งทางกายภาพหรือจิตใจ นั่นอาจเป็นเพราะว่าน้องชายของคุณอยู่ในภาวะแข็งค้าง ซึ่งควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็ว เพราะหากปล่อยไว้เรื่อย ๆ จะทำให้เป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ วันนี้เราจึงรวบรวบเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับการแข็งตัวของน้องชายที่หนุ่มๆ ควรรู้ เพื่อการมีเซ็กส์ที่ปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของน้องชาย

การแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย เป็นปรากฏการณ์ทางสรีระภาพของอวัยวะเพศชาย ที่องคชาตแข็งตัวขึ้น คั่งไปด้วยเลือด และขยายใหญ่ขึ้น เป็นผลของปฏิกิริยาอันสลับซับซ้อนของจิตใจ ระบบประสาท ระบบหลอดเลือด และระบบต่อมไร้ท่อ มักจะเกิดขึ้นพร้อมกับอารมณ์ทางเพศ แต่จริงๆ อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้

การแข็งตัวเกิดขึ้นได้อย่างไร ?

เมื่อมีอารมณ์ทางเพศทำให้เกิดการแข็งตัวขององคชาต เพื่อให้สามารถสอดใส่เข้าไปภายในช่องคลอดของเพศหญิง ที่ปลายองคชาตเป็นจุดรวมของเส้นประสาทซึ่งไวต่อการกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ซึ่งส่วนนี้เปรียบเทียบได้กับคลิตอริสของเพศหญิง การแข็งตัวของอวัยวะเพศชายเกิดจากการกระตุ้นหรือสัมผัสและใช้ความรู้สึกนึกคิดจินตนาการของสมอง

สิ่งเร้าจะกระตุ้นสมองให้ส่งสัญญาณผ่านเส้นประสาทไขสันหลัง สัญญาณเหล่านี้ก็จะกระตุ้นให้เกิดการปล่อยสารเคมีที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลไปทำให้หลอดเลือดส่งเลือดเข้าสู่อวัยวะเพศชาย ส่งผลให้เกิดการหลั่งสารเคมีคือ ไนตริกออกไซด์ (Nitric oxide) ซึ่งมีหน้าที่ทำให้กล้ามเนื้อเรียบของเนื้อเยื่อ ในอวัยวะเพศชายที่มีหน้าที่ทำให้อวัยวะเพศชายเกิดการแข็งตัว (Corpora cavenosa) มีการคลายตัว ส่งผลให้เลือดเข้าไปเลี้ยงในบริเวณดังกล่าวได้มากขึ้น อวัยวะเพศฯจึงเกิดการแข็งตัวขึ้น

อวัยวะเพศแข็งค้าง

การแข็งตัวของน้องชายมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร ?

1. อวัยวะเพศของคุณตกอยู่ในภาวะแข็งค้าง

เป็นภาวะทางการแพทย์ที่มีความเจ็บปวดและอาจมีอันตราย เนื่องจากองคชาตที่แข็งตัวไม่กลับไปสู่ภาวะอ่อนตัว ภาวะแข็งค้างที่เกิดขึ้นนานกว่า 4 ชั่วโมง โดยไม่มีสิ่งเร้าใดๆ ทั้งทางกายภาพหรือจิตใจ ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ กลไกที่เป็นสาเหตุนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยของระบบประสาทและหลอดเลือดที่มีความซับซ้อน ซึ่งควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็ว เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้เป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้

ภาวะน้องชายแข็งค้างมี 3 ชนิด

  • ชนิดขาดเลือด (Ischemic priapism หรือ Low flow priapism) เป็นชนิดขาดเลือดที่สามารถพบได้ค่อนข้างบ่อยที่สุดคร่าว ๆ ประมาณร้อยละ 95 ของผู้ชายที่เกิดน้องชายแข็งค้างทั้งหมด เกิดจากหลอดเลือดดำในเนื่อเยื่อด้านบนของน้องชาย เกิดการคลายตัวต่อเนื่องและไม่สามารถหดตัวกลับเป็นปกติได้ และถ้ายิ่งแข็งค้างเกิน 24 ชั่วโมง จะทำให้มีโอกาสเกิดเซลล์เนื้อเยื่อตาย น้องชายก็จะกลายเป็นพังผืดแบบถาวรจะยิ่งสูงขึ้น และจะนำไปสู่ภาวะนกเขาไม่ขันและจะเกิดการการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้สูงถึง 90% ซึ่งจู๋แข็งค้างชนิดนี้ ผู้ป่วยจะเจ็บ/ปวดน้องชายมากแล้วต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยทันที
  • ชนิดไม่ขาดเลือด (Nonischemic priapism หรือ High flow priapism) เป็นชนิดพบเจอได้น้อย พบได้ประมาณ 5% เกิดจากมีการฉีกของหลอดเลือดแดงในเนื้อเยื่อน้องชาย เช่น มีหลอดเลือดแดงในน้องชายเกิดการโป่งพองแล้วเกิดการแตกหรือรั่ว มีการบาดเจ็บของน้องชายหรือที่ฝีเย็บ เช่น การขี่จักรยานแล้วเกิดการถูกกระแทก หรือการผ่าตัดต่างๆที่น้องชายแข็งค้างชนิดเป็นการคั่งของเลือดแดงที่ไหลออกจากหลอดเลือดแดง แต่ไม่ได้เกิดจากการไหลเวียนของระบบเลือดของน้องชาย จึงไม่ส่งผลกระทบให้เนื้อเยื่อตรงส่วนของน้องชายขาดเลือดและไม่ก่อให้เกิดพังผืด
  • ชนิดขาดเลือดย้อนกลับเป็นซ้ำ (Recurrent ischemic priapism หรือ Recurrent priapism) เป็นชนิดที่สามารถพบเจอได้น้อย แต่มักจะพบในผู้ที่มีประวัติของพันธุกรรมที่เป็นโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว เกิดจากตะกอนของเม็ดเลือดแดงที่ผิดปกติและปิดกั้นหลอดเลือดดำในเนื้อเยื่อของน้องชาย จึงส่งผลกระทบให้มีการเกิดเลือดดำคั่งในน้องชายจึงทำให้เกิดอาการแข็งค้างชนิดขาดเลือด

แต่เป็นอาการที่มีความรุนแรงน้อยกว่า คือ เจ็บปวดน้อยกว่า และระยะเวลาของการแข็งค้างสั้นกว่า นานไม่เกิน 3 ชั่วโมง มักจะเกิดในช่วงนอนหลับกลางดึก และจะมีการเกิดนำก่อนเกิดอาการชนิดขาดเลือดรุนแรง คร่าวๆประมาณร้อยละ 30 ของผู้ที่มีอาการป่วยนี้

2. ระวังน้องชายอาจจะหักได้

บางคนอาจยังไม่รู้ว่าอวัยวะเพศชายสามารถหักได้ เพราะคิดว่าเป็นจุดที่ไม่มีกระดูกแล้วจะหักได้อย่างไร ซึ่งอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นต่อเมื่อคุณบรรเลงเพลงรักหรือช่วยตัวเองแบบสุดเหวี่ยง ทำให้เลือดสูบฉีดที่น้องชายมากจนเปลี่ยนเป็นสีม่วงและหักในที่สุด แถมยังใช้เวลาในการฟื้นฟูนานถึง 6 สัปดาห์ กว่าที่น้องชายจะกลับมาเป็นปกติพร้อมใช้งาน

3. ไม่ควรกระตุ้นน้องชายให้แข็งตัวบ่อย ถ้าไม่จำเป็น

มีผลการศึกษาที่พบว่า ยิ่งผู้ชายทำให้อวัยวะเพศแข็งบ่อยครั้งมากเท่าไร โอกาสที่จ้าวโลกจะไม่แข็งตัวเมื่อต้องการมีเพศสัมพันธ์ก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นหนุ่ม ๆ ควรลดพฤติกรรมดังกล่าวจะดีกว่า เพราะหากถึงคราวจำเป็นที่จะใช้งานน้องชายขึ้นมา จะได้ไม่มีปัญหายังไงล่ะ

4. ความยาวของน้องชาย

ผู้ชายคนไหนที่อยากรู้ว่าจริง ๆ แล้วน้องชายของเรายาวขนาดไหน ควรวัดในช่วงที่แข็งตัวจากบริเวณท้องน้อยไปถึงปลายอวัยวะเพศ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ทราบขนาดจริงของจ้าวโลกตัวเองแล้ว มีผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ลงวารสาร Journal of Sexual Medicine พบว่า ค่าความยาวเฉลี่ยของอวัยวะเพศชายขณะแข็งตัวเต็มที่อยู่ที่ 5.6 นิ้ว จากการสำรวจผู้ชาย 1,661 คน ในประเทศสหรัฐอเมริกา

5. หนุ่มๆ สามารถหลั่งติดต่อกันได้หลายครั้งโดยไม่เหนื่อย

ในปี 1995 ทาง Rutgers University ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการหลั่งของผู้ชาย ซึ่งพบว่าผู้ชายสามารถหลั่งแบบต่อเนื่องได้ถึง 6 ครั้งในเวลาเพียง 36 นาทีโดยไม่รู้สึกอ่อนเพลียเลยแม้แต่น้อย

6. น้องชายไซส์เล็กขยายตัวได้มากกว่าไซส์ใหญ่

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่อมีงานวิจัยที่ปรากฏบนเว็บไซต์ American Psychological Association ชี้ว่าอวัยวะเพศชายขนาดเล็กสามารถขยายได้ถึง 86 เปอร์เซ็นต์ เมื่อแข็งตัวเต็มที่ ส่วนองคชาติไซส์ใหญ่จะขยายได้เพียง 47 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

รับคำปรึกษาเบื้องต้น กับ “หมอเบียร์” ฟรี

สอบถามข้อมูลการรักษาและบริการเพิ่มเติม นัดหมายล่วงหน้า การเดินทางมาคลินิก
LINE:@ETERNITYCLINIC4
Facebook:@Eternityclinicthaiสืบพงษ์ เอ่งฉ้วน

นพ.สืบพงษ์ เอ่งฉ้วน “หมอเบียร์”
ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์เพศชาย (Urologist)
ศัลยกรรมทั่วไป (General surgeon)

บทความล่าสุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *