สเต็มเซลล์ โดยธรรมชาติ อวัยวะเพศแข็งตัวเมื่อมีการกระตุ้นทางเพศจากสมอง หรือประสาทสัมผัสต่างๆ ปลายประสาทที่อยู่ในอวัยวะเพศจะหลั่งสารบางอย่าง
มีผลทำให้หลอดเลือดแดงภายในอวัยวะเพศขยายตัว เลือดแดงจะไหลเข้ามาในอวัยวะ ส่งผลให้อวัยวะเพศชายมีการขยายโต และยาวขึ้น และในขณะเดียวกันเลือดดำที่อยู่ขอบนอกจะถูกเบียดให้แฟบลง ยิ่งทำให้เลือดมาคั่งในอวัยวะเพศ อวัยวะเพศจึงแข็งตัวพร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction: ED) คือ?
ภาวะอวัยวะเพศชายไม่แข็งตัวพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ พบได้ทั้งอาการอวัยวะเพศแข็งไม่นานพอ หรืออาจจะไม่แข็งตัวเลย นอกจากนี้บางรายอาจมีอาการหลั่งไว ซึ่งปัญหาเหล่านี้มักพบในผู้ที่มีอายุสูงขึ้นหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวต่าง ๆ
สาเหตุหลักของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางทางเพศมีหลายปัจจัย การมีโรคประจำตัว เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง โรคไตเรื้อรัง ติดสุราเรื้อรัง สูบบุหรี่จัด การผ่าตัดเอาต่อมลูกหมากออก รวมถึงปัญหาด้านจิตใจและอารมณ์ร่วมด้วย ความเครียด อาการซึมเศร้า และการรับประทานยาบางชนิดเป็นประจำ เช่น ยาต้านโรคซึมเศร้า ยานอนหลับ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเช่นกัน
“ปัจจุบันพบผู้ที่มีโอกาสป่วยด้วยอาการนี้สูงกว่าในอดีตที่ผ่านมาถึง 3 เท่า เนื่องจากการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไปทำให้เพศชายเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศสูงขึ้น”
มีการสำรวจพบว่า ผู้ชายส่วนใหญ่เมื่อถึงวัยกลางคน จะเริ่มมีปัญหาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เกิดขึ้นร้อยละ 37 ของผู้ชายอายุ 40-70 ปีเป็นโรคนี้ โดยมีอาการดังที่กล่าวไปข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมด ยิ่งอายุมากขึ้นจะยิ่งพบผู้ป่วยมากขึ้นไปตามวัย เพราะฮอร์โมนเพศลดลง
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ไม่รักษาได้ไหม?
ผู้ป่วยที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาทุกราย หากผู้ป่วย และคู่สมรสไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเดือดร้อนต่อการใช้ชีวิตคู่ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีปัญหานี้เป็นข้อบ่งชี้ว่าอาจเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
รวมถึงยังอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคอื่นๆ ได้ด้วย ดังนั้น แม้ว่าไม่ต้องการจะมีเพศสัมพันธ์แล้ว แต่ก็ควรเข้ารับการตรวจเช็คสุขภาพเพื่อประเมินโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ รักษาได้อย่างไร?
การดูแลสุขภาพ เป็นขั้นพื้นฐานที่สามารถลดความเสี่ยงการเกิดปัญหานี้ได้ เช่นการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น การออกกำลังกาย ลดการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมีทางเลือกอย่างอื่นที่มีการรักษาอยู่ในปัจจุบัน
• การรับประทานยากลุ่ม Phosphodiesterase-5 (PDE5) Inhibitors
• การใช้กระบอกสุญญากาศ
• การใช้ยาสอดเข้าไปทางท่อปัสสาวะ
• การฉีดยาเข้าที่อวัยวะเพศ
• การรักษาด้วยคลื่นเสียง Shock wave
• การผ่าตัดเสริมอวัยวะเพศ
การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ (Stem Cell Therapy)
มีหลายงานวิจัยศึกษาเกี่ยวกับการใช้ stem cell ในการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ โดยงานวิจัยที่น่าสนใจ ในปี2016 เป็นการศึกษาเปรียบเทียบการใช้ stem cell จากไขกระดูกผู้ที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศจำนวน 20 ล้านเซลล์ 200 ล้านเซลล์ 1,000 ล้านเซลล์ และ 2,000 ล้านเซลล์ ฉีดเข้าไปที่อวัยวะเพศของผู้ที่เข้าร่วมการทอลอง
ผลจากการศึกษาพบว่าสามารถรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ดี ไม่มีผลข้างเขียง มีการติดตามอาการหลังทำการทดลอง 6 เดือน และสามารถสรุปได้ว่า จำนวน stem cell ที่เหมาะสมคือ 1,000 ล้านเซลล์
Stem Cell Therapy จึงเป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะทำให้การรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยสเต็มเซลล์ไปกระตุ้นการทำงานของ Endothelial Cells กลับมาเป็นปกติได้ ปัจจุบันมีงานวิจัยทางคลินิกจำนวนมากที่ใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ พบว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพดี
ในปัจจุบันมีข้อมูลว่าทั้ง Embryonic Stem Cells (ESCs) และ Adult Stem Cells (ASCs) จากเนื้อเยื่อไขมัน ไขกระดูก และสายสะดือ เป็นเซลล์ที่จะมีการพัฒนาไปเป็นเนื้อเยื่อชนิดต่างๆ ได้ โดยไม่มีต่อต้านเนื้อเยื่อ เมื่อปลูกถ่ายเข้าไปในเนื้อเยื่อที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สเต็มเซลล์เหล่านี้สามารถพัฒนาเปลี่ยนไปเป็นเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่เราต้องการได้
สามารถนำมารักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ ด้วยคุณสมบัติของเซลล์ที่สามารถหลั่ง Cytokines และ Growth Factors ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะ Vascular Endothelial Growth Factor สามารถกระตุ้นการทำงานของ Endothelial Cells และกระตุ้นให้มีการสร้างหลอดเลือดใหม่ (Vasculogenesis) ทำให้เลือดมาเลี้ยงอวัยวะเพศชายได้มากขึ้น ส่งผลทำให้การทำงานของหลอดเลือดและระบบประสาทบริเวณอวัยวะเพศดีขึ้น การทำงานของอวัยวะเพศกลับมาเป็นปกติดังเดิม
ทําไมสเต็มเซลล์ช่วยลดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้?
เพราะสเต็มเซลล์เป็นเซลล์ชนิดพิเศษที่ปกติพบได้ ในร่างกายเราทุกคน ทําหน้าที่ทดแทนเซลล์ที่มีการเสื่อม หรือเสียหาย เป็นเหมือนแหล่งเซลล์สํารองของร่างกาย นอกเหนือจากนั้น ยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า สเต็มเซลล์ช่วยส่งเสริมให้มีการสร้างเซลล์ผนังหลอดเลือด (Endothelium) ทําให้มีการสร้างหลอดเลือดใหม่เพิ่มขึ้น มีการหลั่งสารที่กระตุ้นการทํางานของเซลล์ประสาททําให้เซลล์ประสาทสั่งการได้ดีขึ้น และเมื่อใช้ร่วมกับการใช้ยา กระบอกสูญญากาศ หรือคลื่นเสียงความถี่ตํ่า จะยิ่งทําให้การตอบสนองต่อการรักษาดีมากยิ่งขึ้น
ข้อดีของการรักษาด้วยสเต็มเซลล์
• ไม่ต้องผ่าตัด สะดวก รวดเร็ว ใช้เวลาในการรักษาน้อย
• ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าการผ่าตัด
• ไม่ต้องรับประทานยาเป็นจำนวนมากมาก และเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน ซึ่งมีผลข้างเคียงต่อหัวใจและหลอดเลือด
• ผลการรักษามีประสิทธิภาพและให้ผลระยะยาว
• โอกาสกลับมาเป็นภาวะเดิมน้อยมาก หากทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างถูกต้อง
• เพิ่มการรับรู้ประสาทสัมผัสและความรู้สึกที่อวัยวะเพศที่ดีขึ้น
• เพิ่มสมรรถภาพในการตื่นตัวได้ดีขึ้น
• เพิ่มการไหลเวียนเลือดของอวัยวะเพศ เพื่อการแข็งตัวที่เร็วและนานขึ้น
• ฟื้นฟูบริเวณผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศให้ดูมีสุขภาพดี
Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษาด้วยสเต็มเซลล์
Q : กลไกหลักที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังฉีดสเต็มเซลล์คืออะไร?
A : การหลั่งปัจจัยกระตุ้นการเจริญเติบโต (เช่น VEGF) การลดอักเสบระดับจุลภาค การกระตุ้นซ่อมแซมเนื้อเยื่อหลอดเลือด/เส้นประสาทที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัว
Q : ใครเหมาะกับการรักษาด้วยสเต็มเซลล์?
A : ผู้ป่วย ED จากหลอดเลือดเสื่อม (vasculogenic ED) เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันสูง สูบบุหรี่ หรือหลังผ่าตัดต่อมลูกหมากบางกรณี ทั้งนี้ต้องผ่านการประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางก่อนเสมอ
Q : เห็นผลเมื่อไร และอยู่นานแค่ไหน?
A : โดยรวมประเมินผลได้ในช่วง 4–12 สัปดาห์ และติดตามต่อเนื่องหลายเดือน ความยาวนานของผลขึ้นอยู่กับสาเหตุพื้นฐาน วินัยดูแลสุขภาพ และแผนรักษาร่วม (เช่น shockwave/ปรับพฤติกรรม)
Q : ต้องทำกี่ครั้ง ปริมาณเท่าไรจึงเหมาะสม?
A : ขึ้นกับความรุนแรงของ ED ชนิดสเต็มเซลล์ และโปรโตคอลของแต่ละศูนย์ แพทย์จะกำหนดรอบการรักษาให้เหมาะกับเคส ไม่ควรเพิ่มปริมาณเองโดยไม่มีหลักฐานรองรับ
Q : ความปลอดภัยและผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง?
A : ที่พบบ่อย: ปวด บวม ช้ำเฉพาะที่ชั่วคราว ไข้ต่ำ ๆ หายเองได้ แต่ยังมีความเสี่ยงเรื่องติดเชื้อ การอักเสบ หรือผลไม่ได้ตามคาด จึงควรทำกับทีมแพทย์ที่ได้มาตรฐานและมีการติดตามผลชัดเจน



รับคำปรึกษาเบื้องต้น
สอบถามข้อมูลการรักษาและบริการเพิ่มเติม นัดหมายล่วงหน้า การเดินทางมาคลินิก
LINE:@ETERNITYCLINIC4
Facebook:@Eternityclinicthai
นายแพทย์สืบพงษ์ เอ่งฉ้วน
ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ใบอนุญาตที่ 29458 ให้ไว้ ณ วันที่ 1 เมษายน 2546
เป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาศัลยศาสตร์ เลขที่ 18321/2551
ให้ไว้ ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2551 (General surgeon)
เป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา เลขที่
22611/2554 ให้ไว้ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 (Urologist)
ประกาศนียบัตรเวชศาสัตร์ทางเพศ ได้รับการรับรองโดย สมาคมเพศศาสตร์คลินิกและเวชศาสตร์
ทางเพศแห่งประเทศไทย (TACSM)
บทความล่าสุด
การใช้การฝังอุปกรณ์ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ (Penile implants)
ภาวะเสื่อมสมรรถ
เทคนิคการควบคุมการหลั่งเร็ว: การฝึกฝนและการใช้เทคนิคพิเศษ
หนึ่งในปัญหาทาง
การใช้ยาเพื่อเพิ่มความยาวอวัยวะเพศ: ประสิทธิภาพและความปลอดภัย
หยุดที่จะมองข้า
ผลข้างเคียงจากการเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ ด้วยการใช้ยาและการผ่าตัด
การมีขนาดอวัยวะ
ขลิบไร้เลือด ต่างจากขลิบปกติอย่างไร
น้องชายมีกลิ่นเ
ขลิบมีกี่แบบ ขลิบแบบไหนดีที่หมอเบียร์แนะนำ
หลายคนยังไม่ทรา
ขลิบดีไหม ข้อดีของการขลิบที่คุณอาจยังไม่รู้
หลายคนอาจสงสัยว
ขลิบคืออะไร ทำไมถึงต้องขลิบหนังหุ้มปลาย
ขลิบคืออะไร ทำไ