ขลิบ (การขลิบในอุดมคติ) Perfect circumcision

“ขลิบ” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้หลายๆคนคงทราบกันดีแล้วว่า ขลิบคืออะไร ขลิบปลาย เป็นแบบไหน จากหลายๆบทความก่อนหน้านี้ที่ทางคลีนิคเราได้นำเสนอไปให้ทุกท่านได้เข้าไปอ่านกัน

อีกทั้งเรายังได้แนะนำวิธีการขลิบที่ดีที่สุด อย่างเช่นการ ขลิบไร้เลือด รุ่นไทเทเนียม ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ด้วยอุปกรณ์ แบบ disposable circumcision suture device (DCSC) ซึ่งช่วยให้เจ็บน้อยมาก แถมราคายังคุ้มค่ากับผลที่ได้อีกด้วย

มีหลายคนที่เข้ามาอ่านและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการขลิบ และเริ่มตัดสินใจอยากจะขลิบหนังหุ้มปลาย เพราะเห็นถึงข้อดีของการขลิบแล้วว่าเป็นอย่างไร แต่ก็ยังกังวลว่า ขลิบแบบไหนดี ที่เหมาะกับตนเอง ซึ่งในส่วนนี้ท่านสามารถปรึกษาเบื้องต้นกับทางหมอเบียร์ก่อนการตัดสินใจได้

วันนี้หมอเบียร์จะมาอธิบายถึงวิธีการขลิบ ว่ามีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร การขลิบที่ดีหรือการขลิบในอุดมคติควรเป็นแบบไหน เพราะบางคนค้นหาเองจากอินเตอร์เน็ตก็อาจจะเจอศัพท์หลายคำ เช่น high ,low / loose, tight อาจจะทำให้เกิดความสงสัยและมึนงงกันไป วันนี้หมอเบียร์มาตอบให้

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ศัพท์ต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นการใช้ในทางอเมริกาเอง ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีอัตราการขลิบสูงมาก แต่สำหรับเมืองไทยการขลิบยังนิยมทำกันอยู่ในคนเฉพาะกลุ่ม ทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่เห็นประโยชน์มากมายของการขลิบ หรือบางคนที่ไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกเช่นไปเรียน และกลุ่มคนที่นับถือศาสนาอิสลาม

ปัจจุบันก็เริ่มมีคนที่ขลิบจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ได้แพร่หลาย แม้แต่หมอในเมืองไทยเองก็ยังมีเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายนึงที่เห็นว่าตัวเองก็ไม่ได้ขลิบก็อยู่ได้ก็จะไม่ค่อยแนะนำให้คนไข้ขลิบ กับคุณหมออีกกลุ่มนึงที่เห็นข้อดีมากมายจาการขลิบ เช่น พวกหมอที่ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศทางแถบอเมริกา

เพื่อความเข้าใจง่าย ๆ ก็จะขออธิบายย่อ ๆ ว่า ทางหลักกายวิภาค หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของคนเราจะแบ่งเป็น 2 ชั้น เรียก inners kin กับ outer skin ซึ่งการแบ่งชนิดของทางอเมริกาว่า high low tight loose คือจะแบ่งตามสัดส่วนของหนังที่เอาออกไปนั่นเอง ว่าเอาอันไหนเยอะ อันไหนน้อย ซึ่งผลของแต่ละแบบจะทำให้รูปลักษณ์ของอวัยวะเพศแตกต่างกันออกไป ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัว

เทคนิคการตัด แยกอย่างคร่าวๆ ได้ดังนี้

ขณะที่แข็งตัวผิวหนังก็ยังไม่ตึงมากและสามารถขยับผิวหนังได้อีกบ้าง ข้อดีคือเวลาใส่กางเกงในว่ายน้ำหรือกางเกงใน ผิวหนังที่มาปิดอยู่ที่ขอบของอวัยวะเพศ จะช่วยให้ไม่เห็นรูปร่างของอวัยวะเพศชัดมากเกินไป

• การขลิบเล็กน้อย (Minimal) มีจุดมุ่งหมายเพื่อคงลักษณะทางกายภาพ และกลไกการร่วมเพศแบบเดิมได้และจะตัดเฉพาะหนังที่เกินจากปลายอวัยวะเพศ ทำให้คนที่มีหนังหุ้มปลายยาวมาก หรือปลายสุดแคบทำให้รูดเปิดอวัยวะเพศได้ยาก การผ่าตัดช่วยให้สามารถเปิดหัวอวัยวะเพศทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น

• การขลิบบางส่วน (Partial) ตัดปลายออกบางส่วน จะเหลือผิวหนังปิดหัวอวัยวะเพศได้บางส่วนเวลาอ่อนตัว แต่เวลาแข็งตัวจะไม่ปิดปลายท่อปัสสาวะ สามารถเปิดออกได้ทั้งหมด

• การขลิบที่ไม่ตึงมาก (Loose) หลังการผ่าตัดส่วนหัวของอวัยวะเพศจะเปิดออกหมด เวลาที่อ่อนตัวจะมีผิวหนังย่นๆอยู่บริเวณติดขอบของอวัยวะเพศ ยกเว้นเวลาที่อวัยวะเพศอ่อนตัวมากกว่าปกติ เช่นอากาศเย็นมาก ๆ อาจจะมีผิวหนังคลุมขอบของอวัยวะเพศได้

• แบบตึง (Tight) แบบนี้จะตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะมากทำให้ไม่มีผิวหนังห้อยๆ บริเวณขอบของอวัยวะเพศในระยะอ่อนตัวเวลาใส่กางเกงใน หรือกางเกงว่ายน้ำก็จะเห็นรูปร่างหัวอวัยวะเพศชัดเจน เวลาที่แข็งตัวจะไม่สามารถขยับผิวหนังขึ้นลงได้

เทคนิคการตัด แบบทางอเมริกา ที่หลายคนสงสัย ?

High loose รอยการขลิบอยู่ใต้จากบริเวณส่วนคอหยัก
+ รอยต่างของสีจะสังเกตเห็นได้ค่อนข้างยาก เนื่องจาก inner foreskin ได้ถูกเอาออกไปเกือบหมด
+เวลาอ่อนตัว จะมีหนังย่น ๆ เหลือเพียงเล็กน้อย
– เส้นประสาทบริเวณหนังด้านในจะถูกเอาออกไป
– มีโอกาสจะต้องขลิบซ้ำได้มากถ้าหากผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ

High tight ระยะห่างระหว่างรอยขลิบกับคอหยักประมาณ 10 mm
+ ปลายประสาทส่วนใหญ่ยังอยู่ด้านในของผิวหนังและสามารถถูกกระตุ้นได้อย่างเต็มที่
+ เวลาอ่อนตัวจะเหลือหนังมากองเพียงเล็กน้อยบริเวณคอหยัก
– จะเห็นความต่างของสีผิวค่อนข้างมากระหว่าง inner และ outer foreskin ซึ่งบางคนบอกชอบแต่บางคนอาจไม่ชอบได้

Low loose มีรอยขลิบอยู่ใต้คอหยัก อาจมีส่วนของหนังบริเวณลำมาคลุมส่วนหัวได้
+ รอยต่างของสีจะสังเกตเห็นได้ค่อนข้างยาก เนื่องจาก inner foreskin ได้ถูกเอาออกไปเกือบหมด
– เส้นประสาทบริเวณหนังด้านในจะถูกเอาออกไป
– มีโอกาสจะต้องขลิบซ้ำได้มากถ้าหากผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ
– เวลาอ่อนตัว เนื่องจากหนังที่ยังเหลืออยู่มาก ก็ทำให้มีหนังมากองอยู่บริเวณใต้คอหยัก ซึ่งทำให้ดูเหมือนคนมีหนังหุ้มปลายอยู่
– ทำให้ดูแลความสะอาดทำได้ไม่สะดวกพอ เพราะจะเหมือนกับคนที่ยังไม่ได้ขลิบ

Low tight มีระยะห่างอย่างน้อยที่สุด 10 mm ระหว่างรอยขลิบและส่วนหัวแต่ยังมีบางส่วนสามารถมากองบริเวณใต้คอหยักได้
+ ปลายประสาทส่วนใหญ่ยังอยู่ด้านในของผิวหนังและสามารถถูกกระตุ้นได้อย่างเต็มที่
– เวลาอ่อนตัว เนื่องจากหนังที่ยังเหลืออยู่มาก ก็ทำให้มีหนังมากองอยู่บริเวณใต้คอหยัก ซึ่งทำให้ดูเหมือนคนมีหนังหุ้มปลายอยู่แต่รูดขึ้นไป
– ทำให้ดูแลความสะอาดทำได้ไม่สะดวกพอ เพราะจะเหมือนกับคนที่ยังไม่ได้ขลิบ
– จะเห็นความต่างของสีผิวค่อนข้างมากระหว่าง inner และ outer foreskin ซึ่งบางคนบอกชอบแต่บางคนอาจไม่ชอบได้

มาดูกันว่า Perfect circumcision (การขลิบในอุดมคติ) ควรประกอบด้วยอะไรบ้าง

– ขลิบหนังออกได้ระดับ ที่พอดีตรงกับความต้องการ ไม่มากไปจนตึง หรือน้อยเป็นจนหนังเหลือ หรือตรงกับความต้องการของคนไข้เอง
– หนังด้านใน(ส่วนที่เป็นสีขาวหลังหัวและหนังส่วนที่คลำกว่าด้านนอก ถูกขลิบออกเท่ากัน ทำให้สวย ไม่เบี้ยว หรือเหลือหนังด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป
– หากเส้นสองสลึงตึงควรตัดออกในตำแหน่งที่เหมาะสม ติดตามแนวขอหัว ไม่เหลือเป็นติ่งเนื้อ
– แนวการตัดเส้นสองสลึง(แผล) เป็นแนวเดียวเส้นกลางองคชาต (Median raphe)

เชื่อว่าหลายๆคนที่ตัดสินใจมาขลิบหนังหุ้มปลายกับหมอก็คงคาดหวังอยู่แล้วว่านอกจากเจ็บน้อย ผลข้างเคียงที่ตามมาน้อย แผลหายเร็วแล้ว ก็คงเป็นเรื่องของการผ่าตัดและการเย็บแผล ที่หมอสามารถทำออกมาได้ดี แผลสวย ส่วนที่ขลิบออกไปพอดีตรงตามความต้องการของคนไข้ เพราะฉะนั้นแล้ว การขลิบในอุดมคติ ที่กล่าวมา ทำให้ได้ที่หมอเบียร์ครับ