หากพูดถึงหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญที่สุด ท่านชายทั้งหลายคงจะต้องนึกถึง น้องชาย ของตัวเองอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะเอาไว้ใช้ในการปัสสาวะแล้ว ก็ยังต้องเอาไว้ใช้ทำกิจกรรมทางเพศรวมทั้งการสืบพันธุ์ ท่านชาย ๆ หลายคนอาจจะมองข้าม “วิธีดูแลน้องชาย” หรือละเลยสุขอนามัยของอวัยวะเพศชาย จนทำให้เกิดอาการคันและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อยู่บ่อยครั้งใช่ไหมครับ เหตุผลก็เพราะว่าผู้ชายส่วนใหญ่มักให้ความสนใจกับสุขภาพของตัวเองน้อยกว่าผู้หญิง
ในขณะเดียวกันก็มีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับปัจจัยที่สุ่มเสี่ยงกับการทำลายสุขภาพมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ใช้ชีวิตอย่างโลดโผน หรือแม้แต่ไม่ให้ความสำคัญกับการตรวจคัดกรองโรคหรือการตรวจสุขภาพประจำปี
ซึ่งการดูแลทำความสะอาดอวัยวะเพศชายหรือน้องชายของเรานั้นมีความสำคัญมากพอ ๆ กับการดูแลอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย ดังนั้นท่านชายควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการดูแลน้องชายหรือสุขอนามัยของพื้นที่สงวนของตน เพื่อให้น้องชายแข็งแรงห่างไกลโรค ป้องกันปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ วันนี้เราจึงจะมาบอกเคล็ดไม่ลับในการดูแลสุขภาพน้องชาย มาฝากทุกคนในบทความนี้กันครับ
วิธีดูแลตัวเองส่งผลให้น้องชายแข็งแรง
- ตรวจฮอร์โมน ฮอร์โมนเพศชาย เป็นฮอร์โมนที่สำคัญเกี่ยวกับอารมณ์ทางเพศ เส้นผม เส้นขนต่างๆ ในร่างกาย ผลิตสเปิร์ม บำรุงรักษากระดูกและกล้ามเนื้อ และหากฮอร์โมนเพศชายลดลงก็จะส่งผลต่อระบบการทำงานต่างๆ ดังนั้นการดูแลรักษาอวัยวะเพศให้มีสุขภาพดีจึงมีประโยชน์อย่างมาก ที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าน้องชายสุขภาพดีการแข็งตัวก็จะดีตามไปด้วย ควรเริ่มหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพอวัยวะเพศชายอย่างสม่ำเสมอ
- เลือกรับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ จะช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายและฮอร์โมน ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- นอนหลับสนิทในช่วงเวลาประมาณห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนโกรทฮอร์โมนจะหลั่งออกมา ฮอร์โมนความเครียดจากต่อมหมวกไตจะพักการทำงาน และเป็นช่วงเวลาที่ถุงน้ำดีขับสารพิษ ซึ่งถ้ายังไม่หลับสารพิษก็กลับเข้าสู่ตับ ส่งผลเสียต่อสุขภาพทำให้แก่เร็ว
- งดการดื่มแอลกอฮอล์และลดการสูบบุหรี่ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
- ออกกำลังกาย เป็นได้ทั้งยาป้องกันและยารักษาโรค เป็นกิจกรรมที่ทำแล้วทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี การออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อ หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง ป้องกันโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและโรคมะเร็ง
การทำความสะอาดน้องชาย
การรักษาความสะอาดอวัยวะเพศชายเป็นเรื่องสำคัญ ส่งผลดีต่อคนรักหรือคู่นอนเราด้วย เพราะการละเลยสุขอนามัยของอวัยวะเพศชาย หรือไม่ดูแลน้องชาย อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพและเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมทั้งอาจเกิดการสะสมของสารที่มีลักษณะข้นเหนียวที่เรียกว่าขี้เปียก (Smegma) ซึ่งเป็นเมือกที่เกิดจากการผสมกันของน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว โดยสิ่งนี้จะช่วยคงความชุ่มชื้นให้แก่อวัยวะเพศชาย
ซึ่งมักพบบริเวณปลายองคชาตและใต้หนังหุ้มปลายองคชาต แม้ขี้เปียกไม่ใช่สัญญาณของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และไม่เป็นอันตราย แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งกลิ่นเหม็น บางครั้งอาจจับตัวกันเป็นก้อนจนไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายองคชาตได้ตามปกติ อาจเกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และทำให้อวัยวะเพศระคายเคืองหรือเกิดอาการบวมแดง โดยอาการดังกล่าวเป็นสัญญาณของภาวะปลายอวัยวะเพศชายอักเสบได้
วิธีทำความสะอาดน้องชาย
การล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศชายสามารถทำได้ ดังนี้
- ค่อย ๆ รูดหนังหุ้มปลายองคชาตเข้าหาตัว หากขี้เปียกมีลักษณะเป็นก้อนแข็งจนไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายได้ อาจใช้น้ำมันถูบริเวณอวัยวะเพศ เพื่อช่วยให้สามารถรูดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศได้ง่ายขึ้น แต่ห้ามออกแรงดึงเด็ดขาด เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บ ผิวหนังฉีกขาด และอาจเกิดการติดเชื้อได้
- ล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำอุ่นและสบู่สูตรอ่อน ๆ โดยเฉพาะบริเวณหนังหุ้มปลายองคชาต แต่ควรหลีกเลี่ยงการขัดหรือถูอย่างแรง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
ล้างฟองสบู่ออกให้หมด จากนั้นใช้ผ้าขนหนูสะอาดซับอวัยวะเพศให้แห้ง แล้วรูดหนังหุ้มปลายองคชาตกลับลงไปเช่นเดิม - ควรล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศชายเป็นประจำทุกวันจนกว่าขี้เปียกจะหายไป แต่ไม่ควรใช้สำลีก้านแคะขี้เปียกออก เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ และหากมีขี้เปียกจับตัวกันเป็นก้อนเพิ่มมากขึ้น ยังมีขี้เปียกเกาะเป็นคราบใต้หนังหุ้มปลายองคชาตแม้จะล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้ว หรือมีอาการแดงและอักเสบบริเวณอวัยวะเพศ ควรไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือภาวะเจ็บป่วยอื่น ๆ ได้
เคล็ดไม่ลับ วิธีดูแลน้องชาย
- ดูแลสุขอนามัยอวัยวะเพศของตนเองเสมอ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศบริเวณใต้หนังหุ้มปลายด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อนเป็นประจำ และควรรูดหนังหุ้มปลายกลับขึ้นตามเดิมหลังทำกิจกรรมทางเพศเสร็จ
- ป้องกันตนเองทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยการใช้ถุงยางอนามัย ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ และเข้ารับการตรวจคัดกรองการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ
ผู้ที่มีอายุครบ 26 ปี หรือต่ำกว่านั้น ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเอชพีวี (HPV) เพื่อป้องกันการเกิดโรคหูดที่อวัยวะเพศ - ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงภาวะระดับคอเลสเตอรอลในเลือดผิดปกติ ภาวะความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวานประเภทที่ 2
- หยุดสูบบุหรี่และจำกัดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ลดลง โดยผู้ชายไม่ควรดื่มเกิน 2 หน่วยบริโภคต่อวัน
- หมั่นสังเกตความผิดปกติของอวัยวะเพศอยู่เสมอ หากพบสิ่งผิดปกติใด ๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยทันที
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยา เพราะยาบางชนิดอาจส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพทางเพศได้
- ปรึกษาหรือขอรับคำแนะนำจากจิตแพทย์หากมีอาการซึมเศร้าหรือมีอาการทางจิตอื่น ๆ
สรุป วิธีดูแลน้องชาย
เพียงนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ ก็จะทำให้น้องชายของทุกคนมีสุขภาพที่ดีได้ หากมีปัญหาเกี่ยวกับน้องชายก็ควรพบแพทย์ เพราะสามารถรักษาได้ตรงวิธีมากกว่า ผลข้างเคียงจะน้อย และได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ารักษาเอง หรือใครที่ต้องการให้การรักษาความสะอาดของน้องชายเป็นเรื่องง่าย สามารถรักษาได้ด้วยการ “ขลิบหนังหุ้มปลาย” สอบถามข้อมูลเรื่องการขลิบกับทาง Eternity Clinic ได้ที่ Line OA ได้เลยครับ
รับคำปรึกษาเบื้องต้น กับ “หมอเบียร์” ฟรี
สอบถามข้อมูลการรักษาและบริการเพิ่มเติม นัดหมายล่วงหน้า การเดินทางมาคลินิก
LINE:@ETERNITYCLINIC4
Facebook:@Eternityclinicthai
นพ.สืบพงษ์ เอ่งฉ้วน “หมอเบียร์”
ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์เพศชาย (Urologist)
ศัลยกรรมทั่วไป (General surgeon)
บทความล่าสุด
การดูแลหลังการขลิบ ดูแลอย่างไรไม่ให้แผลติดเชื้อ
คุณผู้ชายหลาย ๆ
ผลกระทบของการหลั่งเร็วต่อความสัมพันธ์ในคู่รัก ส่งผลเสียอย่างไรบ้าง
หนึ่งในปัญหาทาง
ฝังมุกจากที่อื่นมา หมอเบียร์เอามุกออกได้ไหม
ฝังมุกนั้น ไม่เ
การทำหมันชายดีกว่าวิธีคุมกำเนิดอื่นๆอย่างไร
ปัญหาการตั้งครร
เทคนิคการฝังมุกที่ปลอดภัย
สำหรับคุณผู้ชาย
ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการฝังมุก
แน่นอนว่าเมื่อม
ฝังมุกเพื่ออะไร หมอเบียร์มีคำตอบ
ถ้าพูดถึงเรื่อง
คำแนะนำก่อนการฝังมุก
ฝังมุก เป็นการน