จู๋หัก เพราะสั้นเกินไป เพิ่มขนาดน้องชาย ลดความเสี่ยงได้จริง

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “จู๋หัก” แล้วเกิดความสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร ทั้งที่ความจริงแล้วอวัยวะเพศชายไม่มีโครงสร้างกระดูกที่จะหักเหมือนแขนหรือขา คำว่า “หัก” ที่ใช้ หมายถึงการฉีกขาดของเยื่อหุ้มรอบแกนองคชาต (Tunica Albuginea) ซึ่งทำหน้าที่ห่อหุ้มเนื้อเยื่อฟองน้ำภายในองคชาต เวลาที่เกิดการแข็งตัว ฟองน้ำเหล่านี้จะกักเก็บเลือดไว้จนแน่นและตึงตัว หากในระหว่างมีเพศสัมพันธ์เกิดการงอ การกระแทก หรือการเคลื่อนไหวที่ผิดจังหวะอย่างรุนแรง ก็อาจทำให้เยื่อดังกล่าวฉีกขาดขึ้นทันที ส่งผลให้เกิดอาการบวม ช้ำ และเจ็บปวดรุนแรงที่เรารู้จักกันว่า “อวัยวะเพศชายหัก”

ทำไมน้องชายสั้น ถึงเสี่ยงจู๋หักมากกว่า?

แม้ว่าอาการ จู๋หัก หรือ อวัยวะเพศชายหัก จะเกิดขึ้นได้กับผู้ชายทุกคน แต่ในบางกรณีพบว่า ผู้ที่มีองคชาติขนาดสั้นอาจมีความเสี่ยงมากกว่า เมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ เนื้อเยื่อและผิวหนังบริเวณนั้นจะถูกดึงตึงจนสุด ขาดพื้นที่สำหรับการยืดหยุ่น หากในระหว่างมีเพศสัมพันธ์เกิดแรงกระแทกหรือการงอผิดจังหวะ องคชาติที่สั้นกว่ามักจะรับแรงกระทำโดยตรงมากขึ้น ทำให้โอกาสเกิดการฉีกขาดของเยื่อหุ้มแกนองคชาต (Tunica Albuginea) สูงกว่า ส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดภาวะ “หัก” หรือบาดเจ็บรุนแรงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ท่าเพศสัมพันธ์ที่ทำให้ “หัก” ได้มากที่สุด

จากการศึกษา พบว่า 3 ท่าที่เสี่ยงทำให้อวัยวะเพศหักมากที่สุด ได้แก่

ท่า Women on Top (ผู้หญิงอยู่ด้านบน) – 50%
ท่า Doggy-style – 29%
ท่า Missionary (ผู้ชายอยู่ด้านบน) – 21%

สาเหตุหลักคือการควบคุมแรงกระแทกไม่ได้ ทำให้เกิดการงอ หรือพลาดเป้าระหว่างกิจกรรม ส่งผลให้เยื่อหุ้มฉีกขาดทันที

อาการจู๋หัก เป็นยังไง?

ได้ยินเสียง “เป๊าะ” ขณะมีเพศสัมพันธ์
เจ็บรุนแรงเฉียบพลัน
อวัยวะเพศอ่อนตัวทันที
บวม เขียว ช้ำ คล้ายรอยฟกช้ำ
ปัสสาวะไม่ออก (หากท่อปัสสาวะได้รับผลกระทบ)

การรักษาอวัยวะเพศหัก

ต้องรีบพบแพทย์ทันทีภายใน 72 ชั่วโมง เพื่อให้เนื้อเยื่อยังสมานกลับได้ดี วิธีรักษาคือ การผ่าตัดซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ฉีกขาด โดยศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะ หากปล่อยไว้นานอาจเสี่ยงต่อ

รูปทรงอวัยวะเพศผิดปกติ (งอ บิดเบี้ยว)
ไม่สามารถแข็งตัวได้อีก
ปัญหาทางเพศในระยะยาว

เพิ่มขนาดน้องชาย ลดความเสี่ยงจู๋หักได้?

จริงอยู่ที่ การเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย ไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับทุกคน แต่สำหรับผู้ที่มีน้องชายสั้นมากกว่าค่าเฉลี่ย หรือเคยมีปัญหาขณะมีเพศสัมพันธ์ การปรึกษาแพทย์เพื่อ เสริมขนาด เพิ่มความยาว หรือเส้นรอบวง สามารถช่วยให้มีความมั่นใจ และลดความตึงตัวขององคชาติได้บางส่วนเมื่อแข็งตัวเต็มที่ บริการเพิ่มขนาดที่ปลอดภัย เช่น

ฉีดเสริมเส้นรอบวง
ผ่าตัดเพิ่มความยาว
ขลิบไร้เลือดเพื่อเสริมสุขอนามัยและลดการรั้งของหนังหุ้มปลาย

ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

จู๋เล็ก อยากใหญ่ ทำอย่างไรได้บ้าง

สรุป

“จู๋หัก” อาจไม่ใช่เรื่องพูดเล่น ถ้ามีเพศสัมพันธ์แบบรุนแรง หรือไม่ระวังโดยเฉพาะกับผู้ที่มีขนาดอวัยวะเพศสั้นหรือเล็กกว่าค่าเฉลี่ย หากเกิดขึ้น ควรรีบพบแพทย์ทันที ใครที่มีปัญหานี้ หรืออยากปรึกษาเรื่องสุขภาพเพศชาย ทาง eternity clinic โดย นายแพทย์สืบพงษ์ เอ่งฉ้วน เลข ว.29458 ศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะและสุขภาพชาย รับดูแลทุกท่านนะครับ

คำถามที่พบบ่อย

จู๋หักคืออะไร?

จู๋หัก หรืออวัยวะเพศชายหัก (Penile Fracture) คือการฉีกขาดของเยื่อหุ้มรอบแกนองคชาต (Tunica Albuginea) ไม่ใช่การหักของกระดูก สำหรับข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ หน้าหลัก Eternity Clinic

จู๋หักจะเกิดขึ้นได้ยังไง?

มักเกิดจากแรงงอหรือแรงกระแทกในขณะอวัยวะเพศแข็งตัว เช่น ระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ อ่านเทคนิคการป้องกันและรักษาเพิ่มเติมได้ที่ เพจกระบวนการรักษา

น้องชายสั้นเสี่ยงจู๋หักมากกว่าจริงไหม?

ใช่ครับ เพราะองคชาติที่สั้นเมื่อแข็งตัวเต็มที่จะถูกดึงตึงจนสุด หากมีแรงกระแทกหรือการงอผิดจังหวะจะยืดหยุ่นได้น้อยกว่า ทำให้เสี่ยงฉีกขาดมากขึ้น

จู๋หักต้องทำอย่างไร ควรทำอะไรดี?

การรักษาที่ดีที่สุดของ จู๋หัก คือการผ่าตัดซ่อมแซมเยื่อหุ้มแกนองคชาต (Tunica Albuginea) โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากสงสัยว่ามีอาการบาดเจ็บ ควรรีบพบแพทย์ทันที ไม่ควรรอหรือพยายามรักษาเอง เพราะภาวะนี้ถือเป็น ฉุกเฉินทางการแพทย์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการและการเข้ารับการรักษา สามารถดูได้ที่ หน้าหลัก Eternity Clinic

Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการจู๋หัก เพราะสั้นเกินไป

Q : ทำไมน้องชายสั้นถึงเสี่ยงจู๋หักมากกว่า?

A : เพราะเมื่อแข็งตัวเต็มที่ เนื้อเยื่อและผิวหนังถูกดึงตึงจนสุด ทำให้ขาดความยืดหยุ่น หากเกิดการงอหรือแรงกระแทกผิดจังหวะ ความเสี่ยงในการฉีกขาดจะสูงกว่าผู้ที่มีขนาดยาวกว่าค่าเฉลี่ย

Q : ท่าเพศสัมพันธ์แบบไหนเสี่ยงทำให้จู๋หักมากที่สุด?

A : งานวิจัยพบว่า 3 ท่าหลักที่เสี่ยง คือ